"ลูกมีน้ำมูกไหล และจามบ่อย จะสังเกตได้อย่างไรคะว่าเขาเป็นภูมิแพ้ หรือแค่โรคหวัดธรรมดา"
โรคภูมิแพ้ เกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ โดยคนที่ไม่เป็นภูมิแพ้ไม่เป็นกัน เมื่อคนที่เป็นภูมิแพ้เจอกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น ละอองเกสรพืช หรือ อาหารบางอย่าง จะมีอาการผิดปกติ เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ แน่นหน้าอก หอบ ผื่น ตาบวม ปากบวม
ส่วนการเป็นหวัด เกิดขึ้นได้ในทุกคน สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ อาจเป็นไวรัสหรือแบคทีเรีย
ข้อสังเกตที่ใช้แยกความแตกต่างระหว่างโรคหวัด และ โรคภูมิแพ้อากาศ
#โรคภูมิแพ้
อาการ : มีอาการหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ตาบวม คัดจมูก น้ำมูก ไอ มักมีอาการตอนเช้า หรือ เฉพาะเวลาที่เจอสารก่อภูมิแพ้
ระยะเวลาที่เป็นโรค : เป็นตลอดเวลาที่เจอสารก่อภูมิแพ้
อาการร่วมอย่างอื่น : ผื่นผิวหนังอักเสบ ตาบวม ใต้ตาคล้ำ จมูกเป็นรอยย่น ไม่มีไข้ อาการปวดเมื่อยตามตัว ไม่มีคนอื่นเป็นด้วย
สีของน้ำมูก : ใสหรือขาวขุ่น
ลักษณะเยื่อบุโพรงจมูก : บวมและซีด
#โรคหวัด
อาการ : ค่อยเป็นค่อยไป เช่น เริ่มจากคันคอ เจ็บคอ คัดจมูก แล้วจึงมีน้ำมูกและไอตามมามักมีอาการตลอดทั้งวัน
ระยะเวลาที่เป็นโรค : นาน 7-10 วัน
อาการร่วมอย่างอื่น : ไม่มีผื่นผิวหนังอักเสบ ตาบวม ใต้ตาคล้ำ จมูกเป็นรอยย่น แต่อาจมีไข้ อาการปวดเมื่อยตามตัว อาจมีคนอื่นเป็นด้วย เนื่องจากเป็นโรคติดต่อ
สีของน้ำมูก : ใส หรือ เหลืองเขียว
ลักษณะเยื่อบุโพรงจมูก : บวมและแดง
แต่ก็พบได้บ่อยๆที่เป็นทั้งภูมิแพ้และหวัดในคราวเดียวกัน เนื่องจากคนที่เป็นภูมิแพ้มักติดเชื้อได้ง่ายกว่า คนที่ไม่เป็นภูมิแพ้
ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อหวัดบ่อยๆในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ คือ การหาสาเหตุที่ทำให้เป็นภูมิแพ้ แล้วหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่ติดเชื้อหวัด ไซนัสอักเสบ หูอักเสบ หลอดลมอักเสบ บ่อยๆเหมือนเดิม
สารก่อภูมิแพ้ชนิดสูดดม ได้แก่ ฝุ่น ไรฝุ่น เกสรพืช เกสรหญ้า ขนสุนัข ขนแมว ฯลฯ สารก่อภูมิแพ้ชนิดกิน ได้แก่ นมวัว นมถั่วเหลือง ไข่ แป้งสาลี อาหารทะเล ฯลฯ