ยาประสระน้ำนม มีมาเพิ่มอีกหนึ่งขนานแล้วค่ะ สำหรับวิธีเพิ่มน้ำนมที่ใครๆ ถามหา พอดีมีน้องคนนึงเล่าว่า ตอนคลอดน้ำนมมาช้า เลยไปซื้อยานี้มาทาน ก็ปรากฏว่านมมาทันที เลยบอกให้ส่งมาให้ดูว่าเป็นยังไง ปรากฎว่าเป็น “ยาประสระน้ำนม ตราพารา-แม่เลื่อน” ของบริษัท พาราวินเซอร์ จำกัด เลยทดลองทานดูด้วยตัวเองค่ะ จะได้มาเล่าให้ฟังได้ว่าเป็นยังไง วิธีใช้ในซองบอกให้ทานครั้งละ 5 เม็ด เช้า-เย็น ห้ามทานน้ำเย็น ก็สู้อุตส่าห์งดน้ำเย็นด้วย (ทั้งๆ ที่เลิกงดมาตั้งแต่ออกเดือนแล้ว-ตอนที่ลอง สิบเดือน ค่ะ) กลัวผิดสูตร ปรากฎว่าสองวันก็เห็นผลค่ะ รู้สึกหน้าอกตึงขึ้นมามากกว่าปกติ ก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาชนิดนี้ ได้ความรู้ใหม่ว่าคำว่า “ประสระ” แปลว่า ทำให้บริสุทธิ์ “ยาประสระน้ำนม” ก็หมายความว่า เป็นยาที่ทำให้น้ำนมบริสุทธิ์ ทำให้น้ำนมดีอะไรประมาณนั้น ฟังแล้วดีนะคะ แล้วก็เจอว่ายาประเภทนี้เป็นยาแผนโบราณขึ้น ทะเบียนกับ อย. ไว้หลายบริษัททีเดียว แต่ที่ยังหลงเหลือผลิตกันอยู่ในปัจจุบันนี่คงไม่เท่าไหร่แล้ว เพราะตอนไปหาซื้อ ร้านขายยาหลายๆ ร้านบอกว่าไม่มี เค้าเลิกผลิตกันไปแล้ว แต่ของพาราฯ ที่ซื้อมานี่ยังพอหาได้นะคะ ยาที่ได้มาก็ไม่เก่าด้วย ผลิตปี 48-49 นี้เอง ราคาก็ถูกมากเลย ซองละ 12 บาท เท่านั้นเองค่ะ ตอนที่ค้นใน google ยังไปเจอว่าธุรกิจประเภทให้บริการอยู่ไฟตามบ้านบางเจ้า ก็มียาชนิดนี้ขายด้วย แต่ราคาแพงกว่ามาก แน่นอนค่ะ package ก็ดูดีกว่าตามราคาที่เพิ่มขึ้น แต่สรรพคุณคงไม่น่าจะต่างกันเท่าไร เอามาแนะนำแบบนี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า FAQ ข้อแรกของยาประสระน้ำนมนี้คงต้องประมาณว่า กินได้จริงหรือเปล่า ปลอดภัยแน่หรือ มีผลข้างเคียงอะไรมั้ย จะมีผลอะไรกับลูกหรือเปล่า เพื่อไม่ให้ต้องอีเมล์มาถามกันให้วุ่นวาย ก็ขอตอบเสียเลยว่า ตั้งแต่คลอดลูกคนแรกใหม่ๆ เมื่อสี่ปีก่อน ด้วยความไม่รู้ ทำให้หลงคิดว่าตัวเองนมน้อย นมไม่พอ พยายามขวนขวายหายาโน่น ยานี่ว่ามีอะไรที่จะช่วยเพิ่มน้ำนมได้บ้าง โดยที่ไม่รู้เลยว่ายาเพิ่มน้ำนมขนานเอกนั้นมีอยู่กับตัวแม่ทุกคนอยู่แล้ว แต่ใช้กันไม่ถูกวิธีเพราะความไม่รู้นั่นเอง เรามัวแต่จะหายาสารพัดมากินเพื่อเพิ่มน้ำนม จะได้มีนมเยอะๆ ให้ลูกกิน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว แค่ให้ลูกดูดอย่างมีประสิทธิภาพบ่อยๆ ในช่วงระยะเวลาที่นานพอ ร่างกายก็จะผลิตน้ำนมได้มากเพียงพอกับความต้องการของลูกเอง แต่สำหรับคนที่ขาดความมั่นใจในช่วงแรก ไม่ว่าจะขาดเอง หรือคนรอบข้างช่วยกันซ้ำเติมให้ขาด การใช้ตัวช่วยบ้างนิดๆ หน่อยก็ช่วยสร้างความมั่นใจได้ดีทีเดียวค่ะ สำหรับยาเพิ่มน้ำนมนี้ นอกจากสมุนไพรสารพัดที่อยู่ในหน้า อาหารเพิ่มน้ำนม แล้ว หลายคนอาจจะได้อ่านในบทความหลายๆ เรื่องที่แปลมานั้น มีการพูดถึง Domperidone และ Fenugreek ด้วยว่ามีสรรพคุณในการเพิ่มน้ำนม สำหรับ Domperidone นั้น คงจะรู้จักกันแล้ว เพราะมีงานวิจัยของการประชุมวิชาการนมแม่มาให้อ่านประกอบกันแล้ว ส่วน Fenugreek นั้น ถ้าใครไป search ต่อใน google คงจะหาข้อมูลได้ไม่ยาก เพราะเป็นอาหารเสริมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในบรรดาแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในต่างประเทศ ส่วนอีกชนิดหนึ่งที่ฮิตฮอตกันพอสมควรในบ้านเรา ก็เห็นจะเป็น ชาเรียกน้ำนม นั่นเอง คงต้องเล่าให้ฟังว่า จากการทดลองรับประทานด้วยตัวเองมาหมดแล้วหลายขนาน ไม่ว่าจะเป็น จินจีเหมาเยี่ย Fenugreek ชาเรียกน้ำนม จนมาถึงขนานสุดท้ายคือ ยาประสระน้ำนม นั้น เพิ่งจะมาเกิดปัญญาเอาตรง ยาประสระน้ำนม นี้เองว่า เรามัวแต่ถูกกระแสบริโภคนิยมชักนำ จนทำให้ลืมไปว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น เป็นวิถีชีวิตปกติของคนทุกชนชาติ ตั้งแต่สมัยโบราณนานมา ดังนั้น ไม่ว่าชนเผ่าไหน ชาติไหน จะต้องมียาสำหรับช่วยเพิ่มน้ำนมแน่นอน ไม่ว่า จีน ไทย พม่า แขก ฝรั่ง คงต้องมียาประจำชาติของตน เพื่อช่วยในเรื่องนี้ ถ้าไปอ่านเรื่องของ Fenugreek ก็จะพบว่ามีต้นกำเนิดมาจากทางเอเชียเรานี่เอง เห็นได้จากที่มี ยาประสระน้ำนม ขึ้น ทะเบียนกับ อย. ไว้นับสิบรายการ สมัยก่อนที่เรายังไม่ถูกครอบงำด้วย กระแสการตลาดของนมผสม แม่ๆ สมัยนั้น ใครน้ำนมมาช้า คงหาซื้อกินกันเป็นเรื่องปกติ แต่พอคนเริ่มไปนิยมการเลี้ยงลูกด้วยนมขวด ยาประสระน้ำนมก็เลยกลายเป็นของที่ไม่จำเป็น พอขายไม่ดีก็คงเลิกผลิตกันไปเกือบหมด น่าเสียดายจริงๆ ค่ะ นึกแล้วก็ขำว่าของดีอยู่ตรงปลายจมูกนี่เอง แต่กลับมองไม่เห็น ตอนคลอดลูกคนแรก ไม่เคยหาความรู้ หลงคิดว่านมน้อย เที่ยวเสาะหาว่ามียาอะไรที่เพิ่มน้ำนมได้บ้าง แต่ไม่เคยไปถามที่ร้านขายยา ตอนนั้นถ้ารู้จักไปถาม คงรู้จักยาประสระน้ำนมไปนานแล้ว กลับไปได้รากไม้ 7 ท่อน ส่งตรงมาจากอุดร ญาติบอกว่าให้เอามาฝนน้ำกิน แถมยังขู่อีกด้วยว่า หมอยาคนที่หาให้นี่อายุเกือบร้อยแล้วนะ ถ้า 7 ท่อน (ท่อนเล็กๆ เท่าปลายนิ้วก้อย) นี้หมด คงไม่มีปัญญาหามาให้แล้วนะ เชื่อว่าคงมีหลายคนที่อาจจะรู้จักหรือเคยได้ยินเรื่อง ยาประสระน้ำนม และมีคนแนะนำให้กินกันมาบ้าง แล้วก็คงจะมีหลายคนเช่นกัน ที่ไม่กล้ากิน ขอไปถามหมอก่อน แล้วก็คงไม่ได้กิน เพราะหมอไม่รู้จัก ในตำราหมอไม่มี หมอก็เลยไม่แนะนำ แม่ไม่มีน้ำนม ก็ให้ลูกกินนมชงแทนสิ ไม่เห็นยาก น่าแปลกนะคะ เวลาแม่จะกินอะไรให้มีน้ำนมเพิ่มนี่ มีแต่คนทักท้วงให้ระวังโน่น ระวังนี่ แต่เวลาเอานมผงชงให้ลูกกินนี่ ทำได้ทันทีเลย ไม่ต้องถามใคร ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว การที่แม่จะกินอะไรสักอย่างนั้น ร่างกายแม่จะเป็นตัวกรองชนิดสุดยอดแล้ว เพราะกว่าจะผ่านระบบการย่อยของร่างกายแม่ ผ่านเข้าสู่กระแสเลือด ไปสู่กระบวนการสร้างน้ำนมนั้น ธรรมชาติทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้น้ำนมของแม่ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับลูกจริงๆ ทำให้ไม่มีลูกคนไหนมีปัญหากับการกินนมแม่ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ยาส่วนใหญ่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับแม่ที่ให้นมลูก ต่างจากตอนที่แม่ตั้งครรภ์นะคะ เพราะตอนนั้น ลูกอยู่ในท้องแม่ แม่กินอะไรก็ส่งตรงถึงลูกทันที ในทางตรงกันข้าม สำหรับเด็กบางคนแล้ว นมผสมมีความเสี่ยงมากกว่ามาก หลายๆ คน ย่อยไม่ได้ ทำให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ ท้องผูก ท้องเสีย รวมทั้งทำให้ป่วยบ่อย เพราะขาดภูมิคุ้มกัน อยากให้แม่ทุกคน ระวังและก็หาข้อมูลมากๆ เวลาจะตัดสินใจ ชงนมผสมให้ลูกกิน เหมือนเวลาที่กังวลว่าแม่กินอันนี้ อันนั้น ปลอดภัยสำหรับลูกหรือเปล่าจังเลยนะคะ สรุปสุดท้ายนะคะ ไม่ว่าจะเป็นยาตัวไหน อาหารอะไรก็ตาม ที่ช่วยเพิ่มน้ำนม นั้น ทุกขนานเป็นการให้ผลชั่วครั้งคราวเท่านั้น ในระยะแรกๆ แต่ระยะยาวแล้ว การที่แม่จะมีน้ำนมให้เพียงพอสำหรับลูกนั้น แม่จะต้องนำน้ำนมออกจากร่างกาย อย่างสม่ำเสมอ โดยการดูดของลูก การบีบด้วยมือ หรือการปั๊มค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้เป็นยาวิเศษขนานไหน ก็ไม่อาจช่วยได้ค่ะ คำเตือน บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์และทัศนคติส่วนตัว ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ทางด้านการแพทย์ใดๆ ขอให้ผู้อ่านทุกท่านใช้วิจารณญาณของตนเองในการตัดสินใจ และหากต้องการนำข้อมูลส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปเผยแพร่ บอกต่อ ขอความกรุณานำไปทั้งหมด และบอกที่มาให้ชัดเจนด้วยค่ะ เพื่อที่ผู้รับสารจะสามารถหาข้อมูลอ้างอิงต่อไปได้ |